ถ้าหากเราจะทำการเลือกชนิดของสีสำหรับทาหรือพ่นตัวบ้านหรือตัวอาคาร ที่จะให้เกิดความเหมาะสมและความถูกต้องกับพื้นผิวผนังคอนกรีต พื้นผิวพื้นผิวไม้ พื้นผิวโลหะ นั้นก็มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยทำให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่เจ้าของบ้านหรือเจ้าของอาคาร และยังจะช่วยสร้างความประทับใจให้เกิดแก่ผู้ที่ได้พบเห็น เราจึงต้องมีความพิถีพิถันในเรื่องของความสวยงามและก็ต้องโฟกัสที่คุณภาพของเนื้อสี เพื่อให้เกิดความงดงามและทนทานของสีที่จะติดอยู่บนพื้นผิวของบ้านหรืออาคาร
วิธีในการเลือกชนิดของสีให้เหมาะสมกับพื้นผิวต่างๆของตัวบ้านหรือตัวอาคาร เพื่อให้เกิดความสวยงามและคงทน
1) สีน้ำมัน ตัวสีน้ำมันนี้จะมีทั้ง สีน้ำมันชนิดเงาและสีน้ำมันชนิดด้าน ซึ่งสีน้ำมันนี้เป็นสีชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ตัวทำละลาย ที่เรียกว่า “ทินเนอร์” เมื่อเราได้ทำการผสมสีสำหรับทาหรือพ่นไปแล้ว และตัวสีเริ่มแห้งและเกิดความหนืดการที่จะนำไปใช้ทาสีหรือพ่นสีอีก เราก็จำเป็นที่จะต้องใช้ทินเนอร์ไปช่วยทำละลายตัวเนื้อสี ซึ่งจะทำให้ตัวสีมีความเหลว ไม่หนืดและสารมารถนำไปใช้ทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีต่อได้ สีน้ำมันนี้เหมาะสำหรับพื้นผิวที่เป็นไม้หรือโลหะ เพราะจะช่วยให้ไม้หรือโลหะมีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้น และเพิ่มความงดงามของพื้นผิวไม้และโลหะได้ดี สีน้ำมันจะไม่เหมาะสำหรับวัสดุที่เป็นพื้นผิวไม้เทียมหรือพื้นผิวคอนกรีต เพราะจะมีอายุการใช้งานที่ไม่ยาวมาก เพราะหลังจากที่ได้ทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีน้ำมันไม่นาน ตัวเนื้อสีจะหลุด ร่อนออกจากพื้นผิวไม้เทียมและพื้นผิวคอนกรีต
2) สีน้ำอะครีลิค ตัวสีน้ำอะครีลิคนี้เป็นสีที่จะต้องใช้ “น้ำ” มาช่วยเป็นตัวทำละลาย เพราะตัวสีที่อยู่ในถังสี จะมีความเข้มข้นและความหนืดค่อนข้างสูง เมื่อใช้น้ำมาทำละลายตัวสีแล้ว จะสามารถนำไปทาด้วยแปลงหรือลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีได้โดยง่าย และยังเป็นสีที่สามารถล้างออกได้ง่าย สีชนิดนี้ เหมาะที่จะนำไปใช้ทาหรือพ่นบนผนังคอนกรีต เพราะว่าเนื้อสีที่ได้รับการผสมหรือทำละลายจากน้ำ จะค่อนข้างแทรกซึมและถูกดูดซึมได้ดีในพื้นผิวคอนกรีต และจะทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดของสีน้ำอะครีลิค นั่นก็คือ ไม่เหมาะสมที่จะนำไปทาหรือพ่นสีลงบนพื้นผิวไม้หรือพื้นผิวโลหะ เพราะจะหลุด ร่อน กร่อน ได้ง่ายนั่นเอง สีน้ำอะครีลิคนั้นโดยทั่วไปจะมีอยู่หลากหลายเกรด แต่ที่จะเห็นได้ชัดก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด นั่นก็คือ
2.1) สีน้ำอะครีลิคสำหรับใช้ทาหรือพ่นภายนอก ต้องมีคุณภาพที่ดี เพราะจะต้องรับกับสภาพอากาศที่มีทั้งแดดและฝนแปรปรวน ซึ่งถ้าเลือกสีที่มีคุณภาพที่ไม่ค่อยดีมาใช้ อายุการใช้งานของสีก็จะสั้น และที่สำคัญ เราจะต้องดูว่า หากว่าพื้นผิวผนังคอนกรีตนั้นเป็นพื้นผิวที่เก่าแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องล้างผิวสีเก่าออกให้หมด และรอให้พื้นผิวแห้งสนิท จากนั้นให้ทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีกันเชื้อรา และต่อจากนั้นก็ให้ทาทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีรองพื้นผิวปูน แล้วก็ค่อยทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีน้ำอะครีลิคสำหรับใช้ทาภายนอก เพียงแค่นี้สีบ้านหรืออาคารก็จะมีความคงทนและยาวนาน
2.2) สีน้ำอะครีลิคสำหรับใช้ทาหรือพ่นภายใน ไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพที่ดีเท่าตัวสีสำหรับทาหรือพ่นภายนอก เพราะไม่ต้องรับสภาพแดดและฝนที่แปรปรวน แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้สีทาหรือพ่นรองพื้นที่มีคุณภาพดี เพราะจะช่วยปกป้องจากความชื้นและเชื้อราที่จะเกิดขึ้นกับเนื้อสีจริง
3) สีย้อมไม้ ตัวสีย้อมไม้นี้ ใช้สำหรับทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีย้อมไม้ลงบนพื้นผิวที่เป็นไม้ เพราะต้องการที่จะโชว์ลวดลายของไม้ และรักษาความสวยงามของเนื้อไม้ให้อยู่ได้ยาวนาน
4) สีเคลือบไม้ ตัวสีเคลือบไม้ ใช้สำหรับทาด้วยแปลง/ลูกกลิ้งหรือพ่นสีด้วยเครื่องพ่นสีโดยใช้สีเคลือบไม้ลงบนพื้นผิวเนื้อไม้ เพื่อเนื้อไม้อยู่ได้ยาวนานขึ้น และช่วยเพิ่มความเงางามให้กับพื้นผิวเนื้อไม้ด้วย สำหรับพื้นผิวไม้ภายในบ้านหรืออาคาร ควรจะใช้สีเคลือบไม้ที่เป็นแลคเกอร์ ส่วนพื้นผิวไม้ภายนอกบ้านหรืออาคาร ควรจะใช้สีเคลือบไม้ที่เป็นยูรีเทรน
ทั้งหมดนี้ก็คือการเลือกสีชนิดต่างๆสำหรับพื้นผิววัสดุของตัวบ้านหรือตัวอาคารให้เหมาะสม ก่อให้เกิดความสวยงาม คงทนและยืดอายุการใช้งานของตัวสีที่จะติดบนพื้นผิวของตัวบ้านหรือตัวอาคาร ซึ่งจะไม่เป็นที่เรื่องยากอีกต่อไป
https://www.youtube.com/channel/UC29BiULmgDvqT8N17RIuM1A